กับดักคนรุ่นใหม่: อนาคตมืดมัวกว่าที่คิด
ทำไมถึงพูดเรื่องนี้
สวัสดีครับ คุณโจ้ จิตนรินทร์ ผู้ทำงานเป็นที่ปรึกษาธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดมากกว่า 10 ปี อยากคุยกับน้อง ๆ คนรุ่นใหม่โดยตรง เรื่องที่น่ากังวล: ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงล้มเหลวกันเยอะ แม้จะมีอินเทอร์เน็ต แม้จะมีมือถือ แม้จะมี AI ที่พ่อแม่เราไม่มีก็ตาม
ในบทความชิ้นนี้ เขาจะเจาะลึกว่าปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทย แต่มันเป็นปัญหาระดับโลก มีสาเหตุเชิงโครงสร้างที่เปลี่ยนไปแบบถาวร และสิ่งที่แย่กว่านั้นคือผลกระทบบางอย่างจะคงอยู่ยาวนานกว่าที่ใครคิด
ภาพรวมปัญหา: ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงได้เปรียบ แต่ยัง "ล้มเหลว"
ถ้ามองแบบผิวเผิน คนรุ่นใหม่ได้เปรียบชัดเจน — เขามีอินเทอร์เน็ต เขาเข้าถึงข้อมูลเร็วกว่า เขาใช้เทคโนโลยีคล่องกว่า แต่ไม่นานมานี้ เราสังเกตเห็นภาพตรงกันข้ามจำนวนมาก: เด็กจบใหม่หางานยาก ถูกเลิกจ้างมากขึ้น เลือกทำธุรกิจก็เจอความเสี่ยงสูง การลงทุนที่หวังรวยไวกลับล้มเหลว
ความขัดแย้งนี้มาจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานและโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งอาจสรุปเป็นประเด็นหลัก ๆ ดังนี้
- ตลาดแรงงานเปลี่ยนแบบถาวร — นายจ้างไม่อยากขยายทีม ทำให้ตำแหน่งงานใหม่หายากขึ้น
- AI และระบบอัตโนมัติ — ลดความต้องการแรงงานในหลายตำแหน่ง
- Mindset ของนายจ้าง — วัดผลเป็น ROI ต่อหัว ไม่ใช่จ้างไว้แล้วค่อยสอน
- เศรษฐกิจเติบโตช้าระยะยาว (Low Growth) — กำลังซื้อ-การส่งออกชะลอ ทำให้ธุรกิจระมัดระวังเรื่องต้นทุน
- การแข่งขันสูง — คนต้องทำได้หลายหน้าที่และมีผลงานจับต้องได้
สาเหตุเชิงโครงสร้างที่สำคัญ
1. เศรษฐกิจเติบโตช้าระยะยาว
เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงเติบโตต่ำ ประเทศใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐฯ ยุโรป หรือจีนเองก็ชะลอ การเติบโตช้าทำให้การนำเข้าและการส่งออกหดตัว ส่งผลกระทบต่อประเทศที่พึ่งพาตลาดส่งออก ทำให้เกิดการชะลอการจ้างงาน และบีบให้บริษัทต้องโฟกัสเรื่องต้นทุนมากขึ้น
2. การลงทุนเรื่อง “คน” — นายจ้างไม่อยากเสี่ยง
ในอดีตเมื่อธุรกิจโตง่าย นายจ้างยอมหาคนเก่งมาแล้วค่อยสอนงาน แต่ปัจจุบันนายจ้างคำนวณว่าการจ้างคนเป็น "ต้นทุน" ที่ต้องแสดงผลลัพธ์ทันที ถ้าพนักงานคนหนึ่งไม่สามารถสร้าง ROI ที่ชัดเจนได้ นายจ้างจะไม่เสี่ยงจ้างเพิ่ม
“นายจ้างจะมองว่าการจ้างงานมันคือความเสี่ยง มันไม่ใช่การลงทุนเหมือนแต่ก่อน”
3. AI และระบบอัตโนมัติเป็นตัวเร่งสำคัญ
AI เข้ามาเป็นปัจจัยเร่งให้ความต้องการแรงงานแบบเดิมหายไป หรือกลายเป็นตำแหน่งที่ต้องการทักษะใหม่ ๆ รายงานจากสถาบันใหญ่ชี้ว่าในปี 2030 งานหลายร้อยล้านตำแหน่งอาจถูกแทนที่ แต่หัวใจของปัญหามิได้อยู่ที่ AI เท่านั้น แต่เป็นการที่นายจ้างต้องการคนที่ “สร้างผลลัพธ์ได้ทันที” ซึ่ง AI ช่วยให้วัดผลและลดจำนวนคนที่ต้องจ้าง
4. การเปลี่ยน Mindset ตลาดแรงงาน — Multi-tasking และ Outcome-driven
วันนี้พนักงานต้องทำได้มากกว่าเดิม ไม่เพียงแค่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง แต่ต้องผสมผสานความสามารถหลายอย่าง เช่น เซลล์ต้องรู้ CRM และการตลาดออนไลน์ นักออกแบบต้องทำวิดีโอได้ คนการตลาดต้องใช้ AI ช่วยสร้างคอนเทนต์ได้ นายจ้างมองหาคนที่วัดผลได้และมีผลงานจับต้องได้
ผลกระทบที่เกิดกับคนกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะ First Jobbers
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มคนเริ่มต้นทำงาน (First Jobbers) และคนที่อายุยังน้อยกว่า 25 เพราะพวกเขามักยังไม่มีผลงานที่จับต้องได้ ไม่มีประสบการณ์ และยังแพ้ในด้านการพิสูจน์ ROI ต่อบริษัท
- เมื่อมีการ Lay Off เยอะ บริษัทชะลอการรับสมัครใหม่ ๆ
- คนที่มีประสบการณ์ 2-3 ปี มักได้ค่าตอบแทนไม่ต่างจากจบใหม่มากนัก แต่มีประสิทธิภาพงานสูงกว่าอย่างมาก
- ผู้ประกอบการมักมองว่าคนที่ไม่มีผลงานเป็นต้นทุนเสี่ยงเกินไป
ตัวอย่างสถานการณ์จริง
บริษัทหลายแห่งไม่ยอมขยายทีมเพราะกลัวความเสี่ยง พวกเขายอมให้พนักงานคนเดียวทำหลายบทบาทเพื่อให้ ROI ต่อหัวสูง และสำคัญที่สุดคือ พวกเขาต้องการผลงานที่พิสูจน์ได้ทันที — สิ่งนี้ทำให้คนที่เพิ่งจบใหม่มีโอกาสถูกคัดออกหรือไม่ได้รับเลือกสูงขึ้น
ทางเลือกของคนรุ่นใหม่: งานประจำ ธุรกิจ หรือการลงทุน?
เมื่อเจอสถานการณ์นี้ น้อง ๆ สองทางเลือกหลักคือ: ไปในสายงานประจำ หรือเข้าสู่ความเป็นเจ้าของธุรกิจ (รวมถึงการลงทุน) แต่ทั้งสองทางก็มีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ต่างกัน
งานประจำ — ยากขึ้น แต่มีกรอบความมั่นคงบางส่วน
งานประจำในปัจจุบันไม่ใช่การเข้าไปทำหน้าที่เดียวแล้วจบ แต่ต้องเตรียมรับบทบาทหลากหลาย สร้างผลงานให้วัดผลได้ และต้องมีทักษะด้านเทคโนโลยีหรือ AI เพื่อเพิ่มมูลค่า ตัวอย่างคือเซลล์ที่ต้องรู้ CRM นักการตลาดที่ต้องทำวิดีโอเอง
ข้อดี: มีเงินเดือน มีความเสถียรเมื่อเทียบกับธุรกิจส่วนตัว ข้อเสีย: ตำแหน่งงานน้อยลง แข่งขันสูง และนายจ้างคาดหวังผลลัพธ์ทันที
ทำธุรกิจ — มีโอกาสรวยมากกว่า แต่ความเสี่ยงสูงกว่า
การเป็นเจ้าของกิจการให้โอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็ต้องแลกกับต้นทุนชีวิตและเวลา การเริ่มธุรกิจในยุคดิจิทัลต้นทุนเงินต่ำ (เปิดเพจ ขายของบน TikTok ได้ง่าย) แต่ต้นทุนชีวิตจริง ๆ สูง — ต้องเผาเงินตัวเองเพื่อเรียนรู้และรับมือกับความไม่แน่นอน
เขาย้ำว่า: ถ้าคิดจะทำธุรกิจ ต้องหาที่ปรึกษา Mentor และ Coach เพื่อช่วยลดความเสี่ยง เพราะการเรียนรู้ด้วยตัวเองจะทำให้เสียเงินและเวลาไม่น้อย
การลงทุน — ไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวย
การลงทุนโดยเฉพาะแบบหวังผลเร็ว เช่น เทรดระยะสั้นใน Crypto หรือ Forex มักถูกขายความฝันว่าทำเงินได้เร็ว ความจริงคือผู้ที่ทำได้จริงมีจำนวนน้อยมาก มักเป็นคนที่มีทุน วินัย ความรู้ และเวลา
“การหาเงินจากการลงทุนไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวย — คนที่ทำได้มีแต่ไม่เยอะมาก”
สรุป: ไม่มีทางออกมหัศจรรย์ ทุกทางเลือกต้องใช้ความรู้ ความพยายาม และการวางแผน
กลยุทธ์ที่คนรุ่นใหม่ควรทำจริงจัง
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่แค่การเตือนภัย แต่อยากให้น้อง ๆ มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ต่อไปนี้คือกลยุทธ์เชิงปฏิบัติที่ขอแนะนำ
1. สร้างผลงานให้จับต้องได้ (Portfolio > ปริญญา)
นายจ้างในยุคนี้ให้ความสำคัญกับผลงานที่ปรากฎจริงมากกว่าชื่อปริญญา การมี Portfolio หรือ Personal Branding ที่ชัดเจนเปรียบเสมือน Resume ที่ทำให้คุณถูกมองเป็นคนที่มีผลงาน ไม่ใช่แค่มีวุฒิ
- เริ่มทำโปรเจ็กต์เล็ก ๆ แม้จะเป็นงานฟรีหรือทำให้เพื่อน ช่วยสร้างผลงานให้เห็นจริง
- อัปโหลดผลงานลงช่องทางออนไลน์ เช่น แชนแนลวิดีโอ เพจ หรือแพลตฟอร์มพอร์ตโฟลิโอ
- แสดงผลลัพธ์เชิงตัวเลขถ้าเป็นไปได้ เช่น เพิ่มยอดขาย X% เพิ่มการเข้าชม Y คน
2. เรียนรู้การใช้ AI ให้เป็น “อาวุธ”
คุณไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์เพื่อรอดในยุค AI แต่คุณต้องเป็นคนที่ใช้ AI ได้ดีกว่าคนอื่น การรู้วิธีใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำงานเร็วขึ้น และสร้างผลงานวัดผลได้ จะทำให้คุณมีค่ามากขึ้นในตลาดงาน
- ฝึก prompt engineering เบื้องต้น
- เรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือ AI ในงานจริง เช่น สร้างคอนเทนต์ สรุปข้อมูล ออกแบบโฆษณา
- แสดงผลลัพธ์การใช้ AI ในผลงานของคุณ
3. พัฒนาทักษะที่ทำให้ตัวเอง “ข้ามสาย” ได้ (T-shaped skills)
ทักษะแบบ T-shaped หมายถึงมีทักษะเฉพาะทางลึก (vertical) และมีทักษะกว้างๆ (horizontal) เช่น นักการตลาดที่รู้การตัดต่อวิดีโอ หรือกราฟิกดีไซน์เนอร์ที่เข้าใจการตลาด
- อย่ามัวรอให้บทบาทงานชัดเจน เรียนรู้หลายด้านที่เกี่ยวข้อง
- ฝึกทักษะถ่ายวิดีโอ ตัดต่อ กราฟิกพื้นฐาน การสื่อสารเชิงธุรกิจ
4. สร้าง Personal Brand เป็น Portfolio
Personal branding ในวันนี้ไม่ใช่แค่การทำคอนเทนต์เพื่อคนดู แต่เป็นหน้าร้านที่นายจ้างหรือพาร์ทเนอร์จะดูพอร์ตโฟลิโอของคุณ การมีช่องทางที่โชว์ผลงานอย่างสม่ำเสมอทำให้คุณโดดเด่น
- โพสต์งานจริง คอนเทนต์ที่แสดงกระบวนการทำงาน และผลลัพธ์
- มีแพลตฟอร์มที่รวมผลงาน เช่น ลิงก์ไปยังโปรเจ็กต์ หรือไฟล์สรุปเป็น PDF
5. หา Mentor และ Coach ให้เร็ว
การมีคนที่แนะนำประสบการณ์จริงช่วยลดระยะการเรียนรู้และลดความเสี่ยง Mentor จะช่วยคุณมองภาพธุรกิจและอาชีพได้ชัดเจนขึ้น
- มองหา mentor ที่มีประสบการณ์ตรงในสายที่คุณสนใจ
- ลงทุนเวลาและความสัมพันธ์ ให้เค้ารู้ว่าคุณจริงจัง
6. ถ้าจะทำธุรกิจ จัดการความเสี่ยงให้เป็นระบบ
การทำธุรกิจต้องคิดในหลายมิติ: cash buffer, การบริหารต้นทุน, การทดสอบตลาดแบบเล็ก ๆ ก่อนขยาย, และการมีแผนสำรอง ถ้าไม่มีคนสนับสนุนด้านเงินทุนหรือความรู้ ควรเริ่มจากขนาดเล็กและทดสอบความเป็นไปได้
7. การลงทุนต้องมีความรู้และทุนจริง
ลงทุนไม่ใช่การพนัน ถ้าคิดจะลงทุนโดยหวังรวยเร็ว ควรทบทวนใหม่ เรียนรู้พื้นฐาน วางแผน กลยุทธ์ และบริหารเงิน หากเป็นการเทรดสั้น ต้องเข้าใจความเสี่ยงสูงและมีแผนรับมือ
แผนปฏิบัติที่ทำได้ตั้งแต่วันนี้ (Checklist)
นี่คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้ทันทีเพื่อเพิ่มโอกาสรอดและเติบโต
- สร้าง Portfolio อย่างเรียบง่าย: รวบรวมงานที่เคยทำ 3-5 ชิ้น พร้อมสรุปผลลัพธ์
- เรียนรู้เครื่องมือ AI เบื้องต้น 1-2 ตัว แล้วลงมือใช้ในงานจริง
- ทำ Personal Branding: โพสต์งานกระชับสัปดาห์ละครั้ง
- หาคนที่เป็น Mentor อย่างน้อย 1 คน
- ถ้าจะเริ่มธุรกิจ ทดลองขายสินค้า/บริการขนาดเล็กก่อน โดยวัดผลจริง
- ถ้าจะลงทุน ศึกษาพื้นฐานและเริ่มด้วยเงินที่พร้อมจะเสีย
คำเตือนและข้อคิดท้ายบท
ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้ต้องการทำให้น้อง ๆ หดหู่ แต่ต้องการให้เข้าใจสภาพความเป็นจริง: โลกเปลี่ยนไป ตลาดแรงงานและความเสี่ยงเปลี่ยนถาวร แต่โอกาสใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังใหม่ เช่น งานที่เกี่ยวกับ AI, สร้างคอนเทนต์, และตลาดดิจิทัล
“โอกาสในตลาดยังมี แต่เราไม่ควรเอาจุดอ่อนของเราไปแข่งกับจุดแข็งของคนอื่น”
อย่าเอาแค่วาทกรรมว่าพวกคุณโชคดีที่มีเทคโนโลยี แต่ต้องแปลงข้อได้เปรียบนี้เป็นทักษะและผลงานที่จับต้องได้ ใช้ AI ให้เป็น, สร้างพอร์ต, หามนเทอร์, และวางแผนความเสี่ยงถ้าจะเป็นผู้ประกอบการหรือเป็นนักลงทุน
สรุป — ข้อคิดสำหรับน้อง ๆ รุ่นใหม่
สรุปใจความสำคัญที่อยากฝากไว้ในใจน้อง ๆ ทุกคนคือ:
- สถานการณ์ยากขึ้นจริง แต่ไม่หายนะ — มีโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้น
- นายจ้างในยุคนี้ต้องการผลงานที่วัดผลได้ ไม่ใช่แค่ใบปริญญา
- AI เป็นโอกาส ถ้าเราใช้ให้เป็น แต่ก็เป็นภัยถ้าเรายืนอยู่เฉย ๆ
- การเริ่มธุรกิจต้องมี Mentor และบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ
- การลงทุนไม่ใช่ทางลัด ต้องมีทุน ความรู้ และวินัย
- สร้าง Personal Brand ให้เป็น Portfolio — แสดงผลงานจริง
กำลังใจถึงคุณ
ความท้อแท้และความกังวลของน้อง ๆ หลายคนอาจทำให้สิ้นหวัง แต่เพื่อให้เห็นภาพจริงและเตรียมตัวให้พร้อม การเปลี่ยนแปลงมีทั้งด้านดีและด้านร้าย อยู่ที่เราจะเลือกจัดการกับมันอย่างไร
ถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่กำลังเริ่มต้น ให้เริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ: สร้างผลงาน อัปสกิลเรื่องเทคโนโลยี รู้จักใช้ AI และหาคนที่ช่วยแนะแนวทาง เราเชื่อว่าถ้าทำอย่างต่อเนื่อง คุณจะมีโอกาสชนะเกมนี้ได้
สุดท้ายนี้ เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนเดินหน้าปรับตัว พัฒนาตัวเอง และหาหนทางที่เหมาะสมสำหรับชีวิตการทำงานของตัวเอง ขอให้ทุกคนพบเส้นทางที่ทำให้เติบโตและมีความสุขครับ