• UDOMCHOKE ASAWIMALKIT

    May 3, 2025

  • วิธีใช้ Ai สำหรับงานวิจัย ที่มีจริยธรรม

    ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายๆ ด้าน การนำ AI มาใช้ในงานวิจัยก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้เราทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อให้งานวิจัยของเราเป็นงานวิจัยที่น่าเชื่อถือและไม่มีข้อกังขา

    วันนี้เราจะมาเรียนรู้เคล็ดลับสำคัญ 3 ข้อ ที่ ดร.ปุจ หรือ ดร.สุขยืน เทพทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ AI ในงานวิจัย ได้แนะนำไว้ เพื่อช่วยให้เรานำ AI มาใช้ในงานวิจัยได้อย่างถูกต้องและเป็นงานวิจัย “สีขาว” ที่สะอาดและโปร่งใส พร้อมทั้งยังช่วยเสริมความสมาร์ทให้กับงานของเราอีกด้วย

    ทำความเข้าใจงานวิจัยสีขาว สีเทา และสีดำ

    ก่อนอื่นเลย เราต้องเข้าใจหลักการแบ่งประเภทของงานวิจัยตามการใช้ AI หรือการคัดลอกงาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 สีหลักๆ ได้แก่ สีดำ สีเทา และสีขาว โดยแต่ละสีมีความหมายและข้อควรระวังที่แตกต่างกัน ดังนี้

    งานวิจัยสีดำ

    งานวิจัยสีดำ หมายถึงการก๊อปปี้งานวิจัยทั้งบทหรือบางส่วนมาโดยตรง หรือแม้แต่การให้ AI หรือผู้อื่นเขียนงานวิจัยให้โดยที่เราไม่ได้มีส่วนร่วมในการเขียนเองเลย แม้ว่าจะมีการอ้างอิงแหล่งที่มา แต่ถ้าเป็นการคัดลอกหรือใช้ AI ช่วยเขียนแบบเต็มๆ โดยไม่ได้แสดงความโปร่งใส นั่นถือว่าเป็นงานวิจัยสีดำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดจริยธรรมและไม่ควรทำอย่างยิ่ง

    งานวิจัยสีเทา

    งานวิจัยสีเทา คือการที่เราให้ AI หรือผู้อื่นช่วยเขียนงานวิจัยให้ แม้ว่าจะไม่เกิดปัญหาเรื่องการลอกเลียนแบบ (plagiarism) แต่ก็ไม่ได้เขียนเองทั้งหมด หรืออาจจะมีการพาราเฟสงานของผู้อื่นโดยที่เราไม่ได้ทำความเข้าใจจริงๆ งานวิจัยสีเทาก็ยังถือว่าไม่เหมาะสมและควรหลีกเลี่ยง เพราะยังขาดความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อเนื้อหางานวิจัย

    งานวิจัยสีขาว

    งานวิจัยสีขาว คือการเขียนงานวิจัยด้วยตัวเองทั้งหมด โดยมีการทำความเข้าใจเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง และนำ AI มาใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการสืบค้นข้อมูลหรือช่วยพาราเฟสในบางส่วนเท่านั้น พร้อมกับมีการอ้างอิงอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และมีการใช้ระเบียบวิธีวิจัยที่เหมาะสมและชัดเจน งานวิจัยประเภทนี้ถือว่าเป็นงานวิจัยที่ถูกต้องตามจริยธรรมและได้รับการยอมรับในวงการวิชาการ

    ดังนั้น ข้อแรกที่เราควรตระหนักคือ เราต้องตั้งใจทำงานวิจัยด้วยตัวเองอย่างแท้จริง และใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยเท่านั้น ไม่ใช่ให้ AI เขียนแทนเราทั้งหมด และต้องมีการอ้างอิง AI อย่างถูกต้องในงานของเรา เพื่อให้เป็นงานวิจัยสีขาวที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ

    ความโปร่งใสในการใช้ AI ในงานวิจัย

    ข้อสองที่ ดร.ปุจ เน้นย้ำคือ การมีความโปร่งใสในการระบุการใช้ AI ในงานวิจัยของเราอย่างชัดเจน ซึ่งโดยปกติแล้วในงานวิจัยที่มี 5 บท การระบุการใช้ AI ควรเขียนไว้ในบทที่ 3 ซึ่งเป็นบทระเบียบวิธีวิจัย (Methodology) ซึ่งเป็นส่วนที่อธิบายถึงขั้นตอนและเครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัย

    การระบุว่ามีการใช้ AI ในขั้นตอนใดบ้าง ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้งานวิจัยด้อยค่าลง แต่ตรงกันข้าม การบอกให้ชัดเจนว่าเราใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวิจัยนั้น จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและแสดงให้เห็นว่าเราเป็นนักวิจัยที่มีความรับผิดชอบและโปร่งใสในงานของเรา

    ในทางปฏิบัติ เราควรอธิบายว่า AI ถูกนำมาใช้ในส่วนใดของงานวิจัย เช่น การช่วยสืบค้นข้อมูล การช่วยพาราเฟส หรือช่วยวิเคราะห์ข้อมูลบางส่วน พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่าเรายังคงมีบทบาทสำคัญในการเขียนและวิเคราะห์ด้วยตัวเอง

    นอกจากนี้ หากงานวิจัยของเราเป็นการทำงานร่วมกับผู้อื่นหรือมีการใช้ AI ร่วมกันเป็นทีม ก็ให้ระบุในบทวิธีวิจัยด้วย เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทของการทำงานและการใช้เทคโนโลยีอย่างชัดเจน

    การอ้างอิง AI อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล

    ข้อที่สามที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การอ้างอิง AI อย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการอ้างอิงเครื่องมือ AI ต่างๆ ที่เราใช้ในงานวิจัย

    การอ้างอิงที่ถูกต้องช่วยให้ผู้อ่านและผู้ตรวจสอบสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลหรือเครื่องมือที่เราใช้ได้อย่างชัดเจน และยังช่วยป้องกันปัญหาด้านจริยธรรมและลิขสิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ AI ได้อีกด้วย

    ผู้วิจัยควรศึกษาวิธีการอ้างอิง AI ในแต่ละกรณีให้เหมาะสม เช่น หากใช้ AI ในการช่วยเขียนข้อความบางส่วน อาจต้องระบุในส่วนของบทความหรือเอกสารว่าได้ใช้ AI ช่วยในขั้นตอนใด พร้อมทั้งระบุชื่อและแหล่งที่มาของ AI นั้นๆ

    นอกจากนี้ หากมีการนำข้อมูลหรือผลลัพธ์ที่ได้จาก AI มาใช้ในการวิเคราะห์หรือนำเสนอ ก็ต้องอ้างอิงอย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในงานวิจัยของเรา

    โอกาสและความท้าทายของการใช้ AI ในงานวิจัย

    การใช้ AI ในงานวิจัยเป็นโอกาสที่ดีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงานวิจัย เช่น การสืบค้นข้อมูลจำนวนมาก การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก หรือการช่วยพัฒนาข้อความให้ชัดเจนและสอดคล้องกับเนื้อหา แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้อย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบ เพื่อป้องกันปัญหาด้านการละเมิดลิขสิทธิ์และการทำงานที่ไม่โปร่งใส

    โดยเฉพาะในวงการวิชาการที่ต้องให้ความสำคัญกับความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ การใช้ AI อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราทำงานวิจัยได้อย่างมีคุณภาพ และเปิดโอกาสให้เราสามารถโฟกัสกับการวิเคราะห์และการตีความข้อมูลได้มากขึ้น แทนที่จะเสียเวลากับงานที่ทำซ้ำหรือใช้เวลานาน

    ดังนั้น การเรียนรู้และเข้าใจวิธีการใช้ AI ในงานวิจัยอย่างถูกต้องตามหลักจริยธรรม จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักวิจัยในยุคปัจจุบันและอนาคต

    สรุปเคล็ดลับ 3 ข้อในการใช้ AI สำหรับงานวิจัยอย่างมีจริยธรรม

    1. ทำงานวิจัยสีขาว: เขียนงานวิจัยด้วยตัวเอง ทำความเข้าใจเนื้อหา และใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่ให้ AI เขียนแทนทั้งหมด พร้อมทั้งอ้างอิง AI อย่างถูกต้อง
    2. ความโปร่งใส: ระบุการใช้ AI ในบทที่ 3 ของงานวิจัย (ระเบียบวิธีวิจัย) อย่างชัดเจน เพื่อแสดงความโปร่งใสและความรับผิดชอบในกระบวนการทำงาน
    3. อ้างอิง AI อย่างถูกต้อง: ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลในการอ้างอิง AI เพื่อให้ผู้อ่านและผู้ตรวจสอบสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและวิธีการใช้ AI ในงานวิจัยได้

    ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้ เราจะสามารถใช้ AI มาช่วยในการทำงานวิจัยได้อย่างสมาร์ทและมีจริยธรรม ทำให้งานวิจัยของเรามีคุณภาพ น่าเชื่อถือ และได้รับการยอมรับในวงการวิชาการอย่างแท้จริง

    เชิญชวนร่วมเรียนรู้และพัฒนาทักษะการใช้ AI ในงานวิจัย

    สำหรับผู้ที่สนใจจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ AI ช่วยงานวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามหลักจริยธรรม สามารถติดตามหลักสูตรและกิจกรรมต่างๆ ที่ 7D Academy จัดขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะในการใช้ AI ในงานวิจัยอย่างมืออาชีพ

    การพัฒนาความรู้และเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถทำงานวิจัยได้อย่างมั่นใจ สนุกกับการทำงาน และสามารถก้าวสู่การเป็นนักวิจัยยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดและมีจริยธรรม

    ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการทำงานวิจัย และใช้ AI อย่างรับผิดชอบและมีจริยธรรม เพื่อสร้างสรรค์งานวิจัยที่ดีและมีคุณภาพในอนาคตครับ

  • Read More