Google AI App Builder (No Code) 

ไมค์จาก Creator Magic มีเรื่องสุดเจ๋งเกี่ยวกับเครื่องมือ AI ใหม่ ๆ ที่คุณไม่ควรพลาดมาฝากกัน โดยเฉพาะเครื่องมือใหม่จาก Google ที่ชื่อว่า Google Opal ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้คุณสร้างแอป AI ขนาดเล็กได้ง่าย ๆ ด้วยภาษาธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า “No Code” นั่นเอง นอกจากนี้ผมยังได้ทดลองใช้ ChatGPT Agent ตัวใหม่ที่สามารถช่วยคุณค้นหาข้อมูลและจัดการงานต่าง ๆ อัตโนมัติ รวมถึง Adobe Firefly ที่กำลังกลายเป็นศูนย์รวมของเครื่องมือสร้างภาพ วิดีโอ และเสียงด้วย AI ที่น่าสนใจ ลองรับฟังสิ่งที่ไมค์นำเสนอความน่าสนใจของ Google AI APP 

Google Opal: สร้างแอป AI แบบ No Code ด้วยภาษาธรรมชาติ

ผมแทบจะตะลึงกับ Google Opal เพราะมันทำให้คุณสามารถสร้างแอป AI ขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่า “mini apps” ได้ง่ายดายมาก เพียงแค่คุณบอกสิ่งที่ต้องการด้วยภาษาธรรมชาติ เช่น “สร้างภาพ thumbnail สำหรับวิดีโอ YouTube ที่ดึงดูดผู้ชม” แล้ว Opal จะใช้โมเดล AI ของ Google รวมถึง Imagen, VO3 และ Gemini 2.5 มาช่วยประมวลผลและสร้างผลลัพธ์ให้ทันที

ตัวอย่างที่ผมลองคือ การสร้างแอป AI ที่รับ URL ของวิดีโอ YouTube เป็นอินพุต แล้วสร้างไอเดียภาพ thumbnail จำนวน 4 แบบที่เหมาะสมกับวิดีโอนั้น ๆ โดยใช้หลักการออกแบบ thumbnail ที่ช่วยเพิ่มอัตราการคลิก (CTR) พร้อมข้อความสั้น ๆ ไม่เกินสองคำ ตัวอักษรหนา และฟอนต์โมเดิร์น ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพ thumbnail ที่น่าสนใจและดูเป็นมืออาชีพอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น

สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือ คุณไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องโค้ดเลย แค่พิมพ์คำอธิบายเป็นภาษาธรรมชาติ จากนั้น Google Opal จะจัดการเชื่อมต่อโมเดล AI ต่าง ๆ ให้เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสร้างแอป AI ที่ซับซ้อนได้ง่าย ๆ และยังสามารถบันทึกผลลัพธ์ไปยัง Google Docs ได้ด้วย ทำให้ระบบนิเวศของ Google เปิดกว้างและใช้งานได้อย่างเต็มที่

สร้างบล็อกโพสต์จากวิดีโอ YouTube ด้วย Google Opal

ผมยังได้ลองสร้างแอป AI อีกตัวที่ชื่อว่า “YouTube to Blog” ที่ช่วยเปลี่ยน URL ของวิดีโอ YouTube ให้กลายเป็นบล็อกโพสต์ที่มีเนื้อหาครอบคลุม พร้อมสร้างภาพประกอบ 2 ภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาโดยใช้โมเดลภาพสุดล้ำของ Google นั่นคือ Imagen 4 รุ่นล่าสุด

แอปนี้ทำงานโดยรับ URL ของวิดีโอเป็นอินพุต จากนั้นใช้ Gemini 2.5 Flash ในการสร้างเนื้อหาและภาพประกอบ แล้วรวมทุกอย่างเป็นบล็อกโพสต์ที่มีภาพประกอบอยู่ในตัว ซึ่งแม้เนื้อหาจะยังต้องการการปรับแต่งเพื่อให้พร้อมเผยแพร่จริง แต่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากของการใช้ AI ช่วยสร้างเนื้อหาแบบอัตโนมัติและรวดเร็ว

ติดตามเทรนด์ AI และสร้างวีดีโอสั้นพร้อมโพสต์โซเชียลมีเดีย

อีกหนึ่งแอปที่ผมสร้างขึ้นด้วย Google Opal คือ “AI Trend Spotter” ซึ่งช่วยวิเคราะห์เทรนด์ล่าสุดในวงการ AI และ No Code จากนั้นสร้างวิดีโอสั้นและโพสต์โซเชียลมีเดียที่มีข้อความไม่เกิน 140 ตัวอักษร เพื่อช่วยให้ AI influencer อย่างผมสามารถเข้าร่วมกระแสได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

กระบวนการนี้ประกอบด้วยการค้นคว้าเทรนด์ผ่าน Gemini 2.5 Flash, สร้างคำสั่งสำหรับวิดีโอ, สร้างวิดีโอด้วย VO3 และสร้างข้อความโพสต์โซเชียลมีเดียในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้แม้จะยังเป็นเวอร์ชันทดลอง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Google Opal ที่สามารถเชื่อมต่อโมเดล AI หลายตัวและทำงานร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยม

เสียงจากผู้เรียน: การเรียนรู้และการสร้างแอป AI แบบมืออาชีพ

ในช่วงหนึ่งของบทเรียน ผมได้รับฟีดแบ็กจากนักเรียนที่เข้าร่วมคอร์ส “Ship Your App in 4 Weeks” ซึ่งเป็นคอร์สที่จะช่วยให้คุณสร้างและปล่อยแอป AI ของตัวเองภายใน 4 สัปดาห์ โดยมีผมเป็นผู้ช่วยแนะนำตลอดกระบวนการ นักเรียนหลายคนบอกว่าความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับช่วยเปิดโลกใหม่ให้กับการทำงานและการสร้างสรรค์ผลงานด้วย AI

สิ่งนี้ยืนยันว่าการเรียนรู้และทดลองทำจริงในระบบนิเวศของ AI แบบ No Code อย่าง Google Opal ช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างแอปที่ซับซ้อนและมีประโยชน์ได้ แม้ว่าจะไม่มีพื้นฐานทางโปรแกรมมิ่งมาก่อนก็ตาม

ChatGPT Agent: ผู้ช่วย AI อัจฉริยะที่ทำงานแทนคุณได้

อีกหนึ่งเครื่องมือที่น่าตื่นเต้นมากคือ ChatGPT Agent ซึ่งตอนนี้ได้เปิดให้ผู้ใช้ ChatGPT Plus ทุกคนใช้งานแล้ว โดยสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยคำสั่ง /agent เพื่อเข้าสู่โหมด Agent ที่มีความสามารถเหมือนคอมพิวเตอร์เสมือนจริงที่สามารถท่องเว็บ อ่านข้อมูล คลิก และทำงานต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงการรันโค้ดถ้าจำเป็น

ตัวอย่างการใช้งานที่ผมลองคือ ให้ Agent ช่วยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับช่อง YouTube และชุมชน Creator Magic ของผม จากนั้นจัดทำรายชื่อพันธมิตรที่น่าสนใจสำหรับการร่วมงานกับช่อง ซึ่ง Agent สามารถค้นคว้าข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น LinkedIn, บล็อกโพสต์ และเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ChatGPT Agent ช่วยประหยัดเงินค่าตั๋วเครื่องบินได้มากกว่า $1,000

หนึ่งในกรณีที่ผมประทับใจมากคือ การใช้ ChatGPT Agent ช่วยค้นหาวิธีเดินทางไปดูไบสำหรับครอบครัว 4 คน โดยตั้งเงื่อนไขว่าตั๋วต้องไม่เกิน 1,000 ปอนด์ (ประมาณ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ) และยอมรับการแวะพัก 1-2 คืนระหว่างทาง

เมื่อผมค้นหาด้วยวิธีปกติ พบว่าค่าตั๋วเครื่องบินตรงอยู่ที่ประมาณ 1,936 ปอนด์ (ประมาณ 2,600 ดอลลาร์) แต่เมื่อใช้ ChatGPT Agent มันสามารถค้นหาเส้นทางแวะพักที่ถูกกว่า เช่น ลอนดอนไปอิสตันบูลด้วย Wizz Air ราคา 305 ปอนด์ และต่อเครื่องไปดูไบอีก 776 ปอนด์ รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,082 ปอนด์ (ประมาณ 1,500 ดอลลาร์) ซึ่งประหยัดเงินไปได้เกือบครึ่งหนึ่ง และยังได้โอกาสสัมผัสวัฒนธรรมใหม่ที่อิสตันบูลอีกด้วย

วางแผนจัดงานพบปะชุมชน AI ทั่วโลกด้วย ChatGPT Agent

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ การใช้ Agent ช่วยวางแผนจัดงานพบปะชุมชน AI ในเมืองต่าง ๆ ที่ผมจะไป เช่น เชียงใหม่ สิงคโปร์ จาการ์ตา และวรอตสวัฟ ประเทศโปแลนด์ โดย Agent ใช้เวลาหลายนาทีในการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่และโอกาสที่เหมาะสมสำหรับการจัดงาน พบปะผู้คน และสร้างเครือข่ายในชุมชน AI ท้องถิ่น

นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า Agent ไม่ใช่แค่เครื่องมือค้นหาธรรมดา แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยวางแผนและจัดการงานซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Adobe Firefly: ศูนย์รวมเครื่องมือสร้างสรรค์ภาพ วิดีโอ และเสียงด้วย AI

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ผมต้องพูดถึง Adobe Firefly ซึ่งตอนนี้ได้พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมโมเดล AI ชั้นนำจากหลายบริษัท เช่น Google VO3, OpenAI GPT และ Flux models ไว้ในที่เดียวกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้เครื่องมือสร้างภาพ วิดีโอ และเสียงได้อย่างหลากหลายและสะดวกมากขึ้น

สร้างวิดีโอและเสียงประกอบด้วย AI ใน Adobe Firefly

ผมได้ทดลองสร้างวิดีโอโดยใช้โมเดล VO3 ของ Google ผ่าน Firefly ซึ่งรองรับความละเอียด 720p และสามารถเพิ่มเสียงประกอบได้ โดยการพิมพ์คำสั่งเช่น “พ่อมดวิเศษโบกไม้กายสิทธิ์ในท้องฟ้าและร้องเพลง” ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างน่าประทับใจ แม้จะใช้เวลาสักครู่ในการประมวลผล

นอกจากนี้ Firefly ยังมีฟีเจอร์สร้างเสียงประกอบวิดีโอที่น่าสนใจ โดยคุณสามารถป้อนคำอธิบายเสียงหรือแม้กระทั่งใช้เสียงของคุณเองเป็นตัวอย่าง ระบบจะสร้างเสียงประกอบที่เหมาะสมกับวิดีโอของคุณ เช่น เสียงคำรามของสิงโต หรือเสียงพ่อมดเวทมนตร์ ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดและนำไปใช้ในโปรเจกต์ของคุณได้ทันที

เปรียบเทียบโมเดลสร้างภาพ AI หลายตัวใน Firefly

Firefly เปิดโอกาสให้คุณทดลองใช้โมเดลสร้างภาพ AI หลายตัวพร้อมกัน เช่น Google Imagen 4, Flux 1.1 Pro, Firefly Image 4 Ultra และ GPT Image Generator คุณสามารถเปรียบเทียบผลลัพธ์และเลือกใช้ภาพที่ตรงกับความต้องการมากที่สุดได้ทันทีในอินเทอร์เฟซเดียว ทำให้การสร้างสรรค์งานภาพเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วมากขึ้น

สรุปและข้อคิดสำหรับอนาคตของ AI ในการสร้างสรรค์

จากที่ได้ทดลองใช้งาน Google Opal, ChatGPT Agent และ Adobe Firefly ผมมั่นใจว่าเครื่องมือ AI เหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราสร้างและจัดการเนื้อหาอย่างสิ้นเชิง

  • Google Opal ทำให้การสร้างแอป AI แบบ No Code เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
  • ChatGPT Agent ช่วยให้การทำงานแบบอัตโนมัติและการค้นคว้าข้อมูลซับซ้อนเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • Adobe Firefly เปิดโลกใหม่ของการสร้างภาพ วิดีโอ และเสียงด้วย AI ที่หลากหลายและใช้งานง่าย

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีที่จะนำ AI มาใช้สร้างสรรค์ผลงาน หรือแม้แต่สร้างธุรกิจใหม่ ๆ ด้วย AI เหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก และถ้าคุณสนใจเรียนรู้เพิ่มเติม ผมมีคอร์ส “Ship Your App in 4 Weeks” ที่จะช่วยคุณสร้างและปล่อยแอป AI ได้จริงภายใน 4 สัปดาห์ พร้อมทั้งคอร์ส “AI Employees” ที่จะสอนวิธีสร้าง AI ที่ทำงานแทนคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลิงก์สำหรับสมัครเรียนและข้อมูลเพิ่มเติมผมได้รวบรวมไว้ให้ด้านล่าง

ลิงก์และแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจ

บทส่งท้าย

เทคโนโลยี AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม Google Opal, ChatGPT Agent และ Adobe Firefly คือเครื่องมือที่ผมอยากแนะนำให้คุณลองใช้ดู เพราะมันจะช่วยพลิกโฉมการทำงานของคุณให้เป็นมืออาชีพและสร้างสรรค์มากขึ้น ถ้าคุณสนใจเรียนรู้เพิ่มเติมและอยากเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนผู้สร้างสรรค์ AI ผมขอเชิญชวนให้เข้าร่วมคอร์สและชุมชนของผมที่ลิงก์ด้านบนครับ แล้วเจอกันในบทความและคอร์สหน้า

  • Read More