• UDOMCHOKE ASAWIMALKIT

    May 31, 2025

  • Kishore Mahbubani กลยุทธ์ของจีนในการตอบโต้สหรัฐอเมริกา

    ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ Kishore Mahbubani นักการทูตและนักวิชาการชาวสิงคโปร์ ได้มอบบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นสองมหาอำนาจที่กำหนดทิศทางของศตวรรษที่ 21 ผ่านการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและชัดเจน เขาเสนอให้เราเข้าใจถึงความเป็นจริงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมกับแนะนำวิธีที่โลกควรปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างรอบคอบและมีเหตุผล

    โลกในยุคที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด: การมองภาพใหญ่ของสถานการณ์โลกปัจจุบัน

    Mahbubani เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามถึงสภาพของโลกในปัจจุบัน และอ้างอิงคำพูดของนักเขียนชาวอังกฤษชื่อดัง Charles Dickens ที่กล่าวว่า "เรากำลังอยู่ในยุคที่ดีที่สุดและยุคที่แย่ที่สุด" คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความขัดแย้งและความซับซ้อนของโลกในปัจจุบันอย่างแท้จริง

    เหตุผลที่โลกเป็นยุคที่ดีที่สุด

    หากมองในเชิงบวก โลกของเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ โดยสามารถยกตัวอย่างได้สามประการที่ชัดเจน:

    1. สันติภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง: โดยอ้างอิงจากงานวิจัยของ Steven Pinker ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามระหว่างรัฐลดลงอย่างมาก จาก 65,000 คนในยุค 1950 เหลือเพียง 2,000 คนในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการลดความรุนแรงของความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
    2. การลดความยากจนอย่างมาก: งานวิจัยโดย Professor Max Roser จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ระบุว่า ในปี 1950 ประชากรโลกกว่า 75% อยู่ในภาวะความยากจนขั้นรุนแรง แต่ในปัจจุบัน ตัวเลขนี้ลดลงเหลือน้อยกว่า 10% ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์
    3. การเติบโตของชนชั้นกลางทั่วโลก: จำนวนประชากรชนชั้นกลางทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2009 มีเพียง 1.8 พันล้านคน แต่ในปี 2016 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.2 พันล้านคน และคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะมีประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของโลกที่มีมาตรฐานชีวิตในระดับชนชั้นกลาง โดยจีนจะกลายเป็นประเทศที่มีประชากรชนชั้นกลางมากที่สุดในโลก

    เหตุผลที่โลกเป็นยุคที่แย่ที่สุด

    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความสำเร็จที่น่าประทับใจเหล่านี้ โลกของเราก็ยังเผชิญกับความท้าทายและปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในส่วนของความรู้สึกและทัศนคติของชาวตะวันตกที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความไม่แน่นอน

    Mahbubani ชี้ให้เห็นว่า แม้ตะวันตกเคยเป็นอารยธรรมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นอารยธรรมที่มองโลกในแง่ร้ายที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่ไม่เชื่อมั่นในอนาคตของตนเอง พวกเขาจึงหันไปสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวคิดแบบประชานิยม ปฏิเสธพรรคการเมืองกระแสหลัก และเกิดความขัดแย้งภายในสังคมอย่างรุนแรง

    ความแตกแยกนี้ปรากฏชัดเจนในเวทีประชุม G7 ที่เมืองควิเบก เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งกลุ่มประเทศมหาอำนาจตะวันตกดูเหมือนจะแตกแยกและไม่สามารถหาจุดร่วมกันได้

    บทเรียนจากอดีต: ความผิดพลาดของตะวันตกหลังสงครามเย็น

    Mahbubani วิเคราะห์ว่า ความสิ้นหวังและความพ่ายแพ้ทางจิตวิญญาณของตะวันตกในปัจจุบัน มีรากฐานมาจากความโอหังและความประมาทหลังสิ้นสุดสงครามเย็นในช่วงปี 1990

    ในเวลานั้น ตะวันตกเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือสหภาพโซเวียตโดยไม่ต้องยิงปืนแม้แต่ครั้งเดียว และเกิดความมั่นใจเกินขอบเขตที่ทำให้ลืมไปว่าชัยชนะนี้เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

    การยอมรับบทความของ Francis Fukuyama เรื่อง "The End of History" ที่ประกาศว่าประวัติศาสตร์ได้สิ้นสุดลงแล้ว เพราะประชาธิปไตยเสรีแบบตะวันตกจะเป็นรูปแบบรัฐบาลสุดท้ายของมนุษยชาติ กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ตะวันตกหลับใหลและไม่ตระหนักถึงการตื่นตัวของจีนและอินเดียที่กำลังเกิดขึ้น

    การตื่นขึ้นของจีนและอินเดีย: การกลับมาของอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่

    จีนเริ่มต้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 1980 ภายใต้การนำของเติ้ง เสี่ยวผิง ที่ริเริ่มนโยบายสี่โมเดิร์นไนเซชันในปี 1978 ขณะที่อินเดียเริ่มเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจในปี 1991 ภายใต้การนำของมานโมฮัน ซิงห์

    ผลลัพธ์คือจีนและอินเดียกลายเป็นสองประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพสูงมาก โดยเฉพาะอินเดียที่มีชุมชนชาวอินเดียในสหรัฐอเมริกาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เช่น ผู้บริหารของบริษัท Microsoft และ Google ที่มีเชื้อสายอินเดีย

    Mahbubani ชี้ให้เห็นว่าในช่วง 1,800 ปีจาก 2,000 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกมักจะเป็นของจีนและอินเดียเท่านั้น และเพียง 200 ปีที่ผ่านมาเท่านั้นที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก

    ดังนั้น การที่จีนและอินเดียกลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่เป็นการกลับสู่สมดุลตามธรรมชาติของประวัติศาสตร์โลก

    ความสำคัญของภูมิภาคเอเชียในศตวรรษที่ 21

    Mahbubani เน้นย้ำว่าศตวรรษที่ 21 จะเป็น "ศตวรรษแห่งเอเชีย" ที่เศรษฐกิจและอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์จะเคลื่อนย้ายไปยังภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน

    ในปัจจุบัน มีสามในห้าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกอยู่ในเอเชีย ได้แก่ จีน อินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสมดุลของอำนาจโลก

    นอกจากนี้ โลกกำลังเปลี่ยนจากยุคที่มีมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียว (unipolar) ไปสู่ยุคที่มีมหาอำนาจอย่างน้อยสองฝ่าย (bipolar) และในขณะเดียวกันก็มีหลายประเทศที่เพิ่มบทบาทและอิทธิพลขึ้นมา ทำให้โลกซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น

    ในมิติทางวัฒนธรรมก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง เพราะโลกไม่ได้ถูกครอบงำโดยอารยธรรมตะวันตกเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มีอารยธรรมอื่น ๆ ที่กำลังฟื้นตัวและกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

    บทบาทของอาเซียนและความร่วมมือระดับภูมิภาค

    Mahbubani ยกย่องบทบาทของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ภูมิภาคนี้สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง

    ASEAN ได้จัดให้มีเวทีสำหรับประเทศมหาอำนาจและประเทศในภูมิภาคมาร่วมพูดคุยและประสานความร่วมมือกันอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ASEAN ยังมีบทบาทสำคัญในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

    Mahbubani ยังเน้นย้ำความสำคัญของการสนับสนุนโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ Belt and Road Initiative (BRI) ที่จีนเป็นผู้นำ โดยชี้ให้เห็นว่า สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่สนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยจีนลงทุนในสิงคโปร์คิดเป็นหนึ่งในสามของการลงทุนทั้งหมดในประเทศที่เข้าร่วมโครงการ BRI

    การร่วมมือและการมีส่วนร่วมของประเทศอื่น ๆ ในเอเชียในโครงการนี้จะช่วยให้ BRI เป็นโครงการที่ได้รับความเป็นเจ้าของร่วมกันและเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคโดยรวม

    ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน: ความท้าทายและโอกาส

    หนึ่งในประเด็นที่ Mahbubani ให้ความสำคัญมากที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นการแข่งขันที่รุนแรงและซับซ้อนที่สุดในยุคปัจจุบัน

    เขาอธิบายว่า สหรัฐอเมริกากำลังพยายามรักษาอำนาจของตนและป้องกันไม่ให้จีนแซงหน้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ของมหาอำนาจที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงสถานะของตน

    อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนที่สำคัญคือเป้าหมายสุดท้ายของสหรัฐฯ ในการดำเนินนโยบายกับจีนคืออะไร

    • สหรัฐฯ ต้องการหยุดการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนหรือไม่? ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
    • สหรัฐฯ ต้องการล้มล้างพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือไม่? ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
    • หรือสหรัฐฯ ต้องการจำกัดจีนให้อยู่ในขอบเขตที่เล็กลงเหมือนกับที่เคยทำกับสหภาพโซเวียต? ซึ่งก็ยากที่จะทำได้ในโลกที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งในปัจจุบัน

    ประเด็นที่อันตรายที่สุด: ไต้หวัน

    Mahbubani ชี้ว่า ประเด็นที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงระหว่างสหรัฐฯ และจีนมากที่สุดคือไต้หวัน

    สำหรับจีน ไต้หวันเป็นสัญลักษณ์สุดท้ายของ "ศตวรรษแห่งความอัปยศ" ซึ่งจีนสูญเสียไต้หวันหลังสงครามจีน-ญี่ปุ่นในปี 1895 จึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฟื้นฟูความสมบูรณ์ของประเทศ

    อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงคราม สิ่งสำคัญคือการรักษาสภาพ "สถานะปัจจุบัน" ไว้ ซึ่งแม้จะมีความเป็นนิยายอยู่บ้าง เช่น การที่สาธารณรัฐจีน (Republic of China) ยังอ้างสิทธิ์เป็นรัฐบาลของจีนทั้งหมด แต่สถานะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสันติภาพในภูมิภาค

    ในขณะเดียวกัน ความต้องการของประชาชนไต้หวันที่ต้องการรักษาวิถีชีวิตและความเป็นอิสระก็ต้องได้รับการเคารพ

    Mahbubani กล่าวว่าถึงแม้จะมีความขัดแย้งทางการเมือง แต่ก็ยังมีวิธีการหาทางออกที่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกฝ่ายและหลีกเลี่ยงสงครามได้

    ความเป็นจริงของจีนในสายตาโลก

    Mahbubani ย้ำว่า การเติบโตของจีนเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ และถูกขับเคลื่อนโดยประชากรกว่า 1.4 พันล้านคนที่มีความมุ่งมั่นจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

    ถึงแม้ว่าจีนจะเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อน เช่น ฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ความท้าทายด้านประชากร และความไม่มั่นใจของนักลงทุน แต่รัฐบาลจีนยังคงมีความสามารถในการจัดการและแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

    นอกจากนี้ Mahbubani ยังเปรียบเทียบความนิยมของผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กับผู้นำสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยชี้ว่าผู้นำหลายประเทศทั่วโลกมองว่าผู้นำจีนมีความมั่นคงและน่าเชื่อถือมากกว่า

    โลกที่เปลี่ยนแปลง: การปรับตัวและความร่วมมือเป็นกุญแจสำคัญ

    Mahbubani เสนอว่า โลกในศตวรรษที่ 21 จะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในระบบที่มีหลายขั้วอำนาจและหลายอารยธรรม

    เขาแนะนำให้สหรัฐอเมริกาและจีนพิจารณาหยุดพักจากการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์เพื่อต่อสู้กับความท้าทายที่ใหญ่กว่า เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติทั้งโลก

    ความร่วมมือระหว่างสองมหาอำนาจนี้จะเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก รวมถึงการสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับมนุษยชาติ

    บทสรุป: การเข้าใจโลกในยุคใหม่

    โลกของเรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม การตื่นตัวของจีนและอินเดีย การเปลี่ยนแปลงของอำนาจโลก และการเกิดขึ้นของโลกที่มีหลายอารยธรรม ท้าทายให้เราต้องคิดใหม่และปรับตัวอย่างรอบคอบ

    Kishore Mahbubani ชี้ให้เห็นว่า แทนที่จะยึดติดกับความคิดแบบตะวันตกเพียงอย่างเดียว โลกควรยอมรับความหลากหลายและความซับซ้อนนี้ เพื่อสร้างอนาคตที่สันติและเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

    สุดท้ายนี้ การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับบทบาทและกลยุทธ์ของมหาอำนาจต่าง ๆ รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือและการปรับตัวในระดับภูมิภาคและระดับโลก จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาโลกไปสู่ยุคใหม่ที่ดีกว่า

  • Read More